สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยตอนเรากำลังเป็นนักศึกษาฝึกหัดอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ ต้องเท้าความก่อนว่าเราเป็นนักศึกษาที่ไม่ชอบพกของเท่าไหร่ค่ะ เรียกได้ว่ายืมทุกอย่างจากพี่ ๆ พนักงานทุกคนเลยค่ะ ตั้งแต่ปากกายันผ้าเช็ดหน้าเลยค่ะ หรือจะให้พิมพ์ให้เห็นภาพง่าย ๆ คือเราไปฝึกงานด้วยสภาพชุดนักศึกษาที่ห้อยกระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ และพกกระดาษไปแค่แผ่นเดียวค่ะ ซึ่งเราก็สังเกตว่าพี่ ๆ ในบริษัทหลายคนเริ่มไม่อยากให้เรายืมของแล้วน่ะค่ะ ( คือเราไม่ได้ทำของหายเลยสักครั้งนะคะ แค่ยืมไปนานจมลืมคืนเลยต้องให้พี่ ๆ เขาทวงน่ะค่ะ )
แต่เราก็ยังไม่ยอมพกอะไรไปทำงานเหมือนเดิมค่ะ จนกระทั่งวันหนึ่งที่เราไปยืมปากกาจากพี่คนหนึ่งในแผนกค่ะ แต่ประเด็นคือเขาไม่อยากให้เรายืมนี่แหละค่ะ สงสัยคงฟังกิตติศักดิ์ของเรามาเยอะค่ะ แต่เราก็ตามตื้อขอยืมปากกาไปสักพักจนพี่เขารำคาญเราและบอกให้เราไปยืมปากกาจากผู้จัดการแทนค่ะ แน่นอนว่าพอเราตามตื้อมานาน ๆ ก็เหนื่อยเลยเลือกที่จะไปขอยืมปากกาจากผู้จัดการแทนค่ะ
แต่ในจังหวะที่เราไปถึงหน้าห้องของผู้จัดการก็ได้ยินเสียงครางเหมือนกับในหนังเอากันเลยล่ะค่ะ เราก็ยืนนิ่งไปสักพักจนเสียงหนังเอากันหายไปก็รวบรวมความกล้าในการเคาะประตูสองสามทีจนประตูถูกเปิดออกค่ะ เราก็พูดไปว่าอยากมายืมปากกาของผู้จัดการแล้วสัญญาไปว่าจะเอามาคืนให้ตอนเย็นค่ะ ซึ่งผู้จัดการก็มองหน้าเราแปลก ๆ แต่ก็ยอมให้ยืมค่ะ บ่ายวันนั้นเราก็ใช้ปากกาของผู้จัดการด้วยใบหน้าที่เบิกบานใจแบบสุด ๆ ค่ะ
แต่แน่นอนว่าความสุขของเราก็อยู่ไม่นานเพราะตอนเย็นเราดันทำปากกาของผู้จัดการหายนี่แหละค่ะ ซึ่งพี่ ๆ ในแผนกของเราก็บอกว่ามันแพงมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ซึ่งมันทำให้เราเครียดมาก ๆ แต่ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกเราเลยยอมไปยอมรับผิดกับผู้จัดการน่ะค่ะ ในจังหวะที่เราเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าผู้จัดการกำลังเปิดหนังเอากันดูอยู่น่ะค่ะ ด้วยความที่เราตกใจก็ยืนนิ่งค้างไปสักพักแต่ก็เรียกสติของตัวเองแล้วบอกไปว่าตัวเองทำปากกาของผู้จัดการหายไปค่ะ ผู้จัดการก็บอกให้เราเดินมาใกล้ ๆ แล้วใช้มือลูบตรงกางเกงแล้วบอกว่ามันคือบทลงโทษค่ะ จากนั้นเขาก็เอาแก่นกายสอดเข้ามาจนสุดแล้วกระแทกเข้าออกถี่ ๆ ซึ่งมันทำให้เราต้องใช้นิ้วจิกขอบโต๊ะเอาไว้เลยค่ะ ในจังหวะที่ผู้จัดการกระแทกเข้ามาจนสุดก็ทำให้พวกเราแตกออกมาพร้อมกันเลยค่ะ